วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

กรณีศึกษาบทที่ 4 (งานกลุ่ม)

กรณีศึกษาที่ 1 : การใช้เครือข่ายไร้สายของบริษัทเฮิร์ตซ์ (Hertz)

อุตสาหกรรมการให้เช่ารถยนต์ในปัจจุบันมีการแข่งขันกันมาก และเฮิร์ตซ์ก็เป็นบริษัทที่ให้บริการการเช่ารถยนต์รายใหญ่ที่สุดของธุรกิจการเช่ารถ โดยให้บริการเช่ารถในหลายร้อยแห่งทั่วโลก และมีคู่แข่งที่สำคัญหลายสิบหลาย การแข่งขันจะเน้นที่การหาลูกค้าและการรักษาฐานลูกค้าเอาไว้
บริษัทเฮิร์ตซ์ได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่บริษัทจะมองหาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้สนับสนุนในการแข่งขันทางธุรกิจ และเฮิร์ตซ์นับได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกในการนำคอมพิวเตอร์พกพามาประยุกต์ช่วยงานด้านต่างๆ ดังนี้

· การให้บริการเช่ารถยนต์ด้วยความรวดเร็ว
เมื่อมีการจองรถยนต์ล่วงหน้าไว้แล้ว และผู้เช่าเดินทางมาถึงสนามบิน พนักงานต้อนรับ ของบริษัท จะคอยดูแลด้วยการส่งข้อมูลของผู้เช่าไปยังเคาน์เตอร์ที่ให้บริการเช่ารถยนต์โดยผ่านเครือข่ายไร้สาย พนักงานจะแจ้งสถานที่รับรถยนต์ ผู้เช่าก็สามารถนำรถยนต์ไปใช้งานได้ ขั้นตอนในระบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าไร้สายซึ่งสามารถตรวจสอบบัตรเครดิต ประวัติการเช่ารถ การสะสมคะแนนกับสายการบิน และอื่นๆ

· การคืนรถยนต์อัตโนมัติ
บริษัทเฮิร์ตซ์เป็นผู้บุกเบิกวิธีการนี้ในปี ค.ศ. 1987 อุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาที่สามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของบริษัทด้วยเครือข่ายไร้สายอำนวยความสะดวกในกระบวนการคืนรถยนต์ เมื่อผู้เช่านำรถยนต์ไปจอดที่จุดคืนรถยนต์ พนักงานจะใช้คอมพิวเตอร์พกพาคำนวณค่าใช้จ่ายและพิมพ์ใบเสร็จรับเงิน ผู้เช่าสามารถคืนรถยนต์ภายในเวลาอันรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องไปที่เคาน์เตอร์ให้บริการเช่ารถยนต์แต่อย่างใด

· บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในรถยนต์
เริ่มให้บริการตั้งแต่ ค.ศ. 1988 โดยบริษัทเฮิร์ตซ์เริ่มให้บริการเช่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ติดตั้งในรถยนต์ แน่นอนว่าในปัจจุบันถือว่าบริการดังกล่าวไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ในปี ค.ศ. 1988นับเป็นวัตกรรมใหม่ที่มีการนำมาใช้งาน

· การตรวจสอบเส้นทางเดิน
รถยนต์บางคันจะมีระบบการระบุตำแหน่งด้วยดาวเทียมที่เรียกว่า GPS ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้คำแนะนำในการตรวจสอบสถานที่เดินทาง แผนที่จะแสดงผลผ่านทางจอภาพประกอบเสียงโดยจะแสดงตำแหน่งที่ผู้ใช้งานอยู่ ณ ขณะนั้น รวมทั้งเส้นทางที่จะเดินทางไป นอกจากนี้ยังแสดงสารสนเทศเกี่ยวกับโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว

· บริการเสริมสำหรับลูกค้า
ลูกค้าของเฮิร์ตซ์สามารถดาวน์โหลดข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน แผนที่แหล่งช้อปปิ้ง ตลอดจนแสดงแผนที่ของร้านค้า โรงแรม และแหล่งบันเทิงต่างๆ ผ่านทางเครื่องพีดีเอและอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ และเป็นที่แน่นอนว่าลูกค้าสามารถที่จะตรวจสอบเส้นทางเดินทางไปยังแหล่งนั้นๆ ได้

· การตรวจสอบตำแหน่งของรถเช่า
เฮิร์ตซ์กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบระบบการตรวจสอบตำแหน่งของรถยนต์เช่า ระบบนี้ช่วยให้บริษัทตรวจสอบได้ว่ารถยนต์ที่ให้เช่านั้น ขณะนี้อยู่บริเวณใด ขับด้วยความเร็วเท่าใด ถึงแม้ว่าบริษัทจะแจ้งว่าสารสนเทศที่จัดเก็บนั้นนำมาใช้เพื่อให้ส่วนลดกับลูกค้า ในขณะที่บางคนมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ในขณะเดียวกันก็มีลูกค้าที่เห็นด้วยเนื่องจากรู้สึกว่ามีความปลอดภัยหากบริษัทจะสอดส่องความเคลื่อนไหวในการเดินทางตอลดเวลา

คำถาม
1. จาการประยุกต์ใช้เครือข่ายไร้สายของบริษัทเฮิร์ตซ์ที่ได้กล่าวข้างต้น แอปพลิเคชันที่ประยุกต์เพื่อใช้งานธุรกิจ ภายในองค์การมีอะไรบ้าง และแอปพลิเคชันใดบ้างที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
ตอบ แอปพลิเคชันที่ประยุกต์เพื่อใช้งานธุรกิจภายในองค์การ ได้แก่ ไว-ไฟ (Wi-Fi) บลูทูธ และ GPs ส่วน แอปพลิเคชันที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ได้แก่ GPs และบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในรถยนต์
2. ประโยชน์อะไรบ้างที่เฮิร์ตซ์ได้รรับจากการตรวจสอบตำแหน่งของรถเช่า และในฐานะที่ท่านเป็นผู้เช่ารถ ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการดำเนินการในลักษณะนี้
ตอบ ประโยชน์ที่เฮิร์ตซ์ได้รับจากการตรวจสอบตำแหน่งของรถเช่า คือ เฮิร์ตซ์สามารถรู้ได้ว่าขณะนี้รถที่ให้เช่าอยู่ตรงไหน ในสถานะใด ถ้าหากถูกขโมยก็สามารถที่จะตามคืนได้และหากเกิดอุบัติเหตุในที่เปลี่ยวก็สามารถช่วยเหลือได้ และในฐานะที่เป็นผู้เช่ารถ ก็รู้สึกทำให้สะดวกสบาย และยังมั่นใจในความปลอดภัยของบริษัทที่มีให้กับผู้เช่าอีกด้วย

กรณีศึกษาที่ 2 : การใช้ RFID ในห่วงโซ่อุปทานของยา

ในอุตสาหกรรมยาของโลกก็มีปัญหาต่างๆ ไม่ต่างจากอุตสาหกรรมอื่นๆ จากสถิติพบว่าในโซ่อุปทานของเวชภัณฑ์ระหว่างประเทศนั้นอาจมียาปลอมมากถึง 7% ในแต่ละปีตลาดยาต้องมีค่าใช้ จ่ายสูงถึงสองพันล้านดอลล่าร์สำหรับยาที่ลันสต็อกและยาที่เก็บไว้จนหมดอายุ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการเรียกยาคืน ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตเวชภัณฑ์ ผู้บริโภค ผู้ขนส่ง ตลอดจนผู้ค้าปลีก ดังนั้นจึงทำให้อุตสาหกรรมยาคิดที่จะนำเทคโนโลยี RFID มาช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบข้อมูลและประวัติของยาที่ผลิตและจำหน่าย เพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพและความปลอดภัยของยา เหตุผลที่อุตสาหกรรมยานำ RFID มาใช้พอสรุปได้ดังนี้

· ทำให้เห็นของในสต็อกได้ทั้งหมด รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
RFID สามารถตรวจจับยาได้ทุกภาชนะบรรจุไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ง่ายและรวดเร็วในการจัดส่ง ลดงานที่ต้องใช้มือทำ เพื่อความแม่นยำในการตรวจสอบการขนส่งและจัดจ่าย รวมทั้งเพิ่มโอกาสที่ร้านจำหน่ายยาจะมีสินค้าอย่างเพียงพอ

· สามารถควบคุมการสูญหายและปกป้องชื่อเสียงของยี่ห้อ
ความสามารถในการตรวจสอบที่มาที่ไปและจำนวนสินค้าได้ทุกจุดในโซ่อุปทานมีประโยชน์ในการลดการสูญหายของสต็อก RFID สามารถตรวจสอบได้ว่าสินค้าถูกส่งออกมาจากโรงงานใด ผู้ผลิตคือใครและราคาเดิมเท่าไร และสามารถปกป้องกันการนำสินค้าออกจำหน่ายในช่องทางจำหน่ายที่ไม่ได้รับอนุญาต

· ความปลอดภัยในการใช้ผลิตภัณฑ์ยา การเรียกยาคืน และข้อกำหนดต่างๆ
RFID สามารถใช้ตรวจสอบยาปลอม รวมทั้งล็อตของยาและวันหมดอายุของแต่ละล็อต ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการบริหารเรื่องการหมดอายุของยา อีกทั้งสามารถเก็บข้อมูลสายการผลิตของยาแต่ละล็อตของยาตามกฎหมายอีกด้วย การมีข้อมูลประวัติการผลิต ทำให้ RFID ช่วยลดระยะเวลาในการค้นหาสินค้าที่ต้องเรียกคืนได้เป็นอย่างมาก
คำถาม
1. ท่านคิดว่า RFID มีข้อได้เปรียบกว่าบาร์โค้ดอย่างไรบ้าง
ตอบ RFID สามารถตรวจสอบได้ว่าสินค้าอยู่ตรงไหน ทำให้มีประโยชน์ในการลดการสูญหายในสต็อก ป้องกันการขโมย ตรวจสอบได้ว่ามาจากโรงงานใด ใครคือผู้ผลิต และที่สำคัญยังสามารถใช้ตรวจสอบยาปลอม รวมทั้งล็อตของยาและวันหมดอายุของยาแต่ละล็อต
2. จงยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยี RFID ไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจต่างๆ มาอย่างน้อย 3 ตัวอย่าง
ตอบ 1.บัตรทางด่วน
2. บัตรรถไฟฟ้าใต้ดิน
3. ระบบห้องสมุดดิจิทัล (e-Library) ในการยืมคืนอัตโนมัติ
3. ท่านคิดว่าข้อจำกัดของการนำ RFID ไปใช้ในงานธุรกิจมีอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ ช่วยอำนวยความสะดวก รวดเร็ว เกิดประโยชน์ในหลายๆ ด้าน ทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

วิเคราะห์ปัญหาไอทีกับธุรกิจ

คิดว่า บริษัทรักษาความปลอดภัย(ร.ป.ภ.) เพราะ บริษัทที่เคยจ้างพนังงาน ร.ป.ภ. หลายๆคน ก็อาจเปลี่ยนมาเป็นติดกล้องวงจรปิดแทน เพราะประสิทะภาพในการทำงานน่าจะดีกว่า เพราะกล้องวงจรปิดนั้นสามารถบันทึกการเคลื่อนไหวภายในบริษัทได้ถึง 24 ชั่วโมง ซึ่งในขณะที่พนังงานอาจจะแอบหลับหรือจำเหตุการณ์ได้ไม่ทั้งหมด และการที่ใช้กล้องวงจรปิดอาจเสียงบประมาณน้อยกว่าที่จะจ้างพนักงานหลายๆคน ก็ได้ และนี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิด "ปัญหาคนว่างงาน"